กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2013

บทความ

  The European Union (EU) หรือ สหภาพยุโรป มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 27 ประเทศ จากที่เริ่มต้นแค่ 6 ประเทศ เมื่อปี 1951 และด้วยพลังของสนธิสัญญามาสทริ (Treaty Maastricht) ทำให้เติบโตกลายเป็นกลุ่มเศรษฐกิจและการเมืองขนาดใหญ่ กลายเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีบทบาทอย่างมากในเรื่องของเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลก ใน กลุ่มประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป มี 17 ประเทศมาชิกที่ที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน เรียกว่า สหภาพการเงินยูโร (Euro Monetary Union) EMU หรือ Euroland ซึ่งได้แก่ ออสเตรีย, เบลเยียม, ไซปรัส, เอสโตเนีย ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส, สโลวาเกีย, สโลวาเนีย และ สเปน และนอกจาการใช้สกุลเงินร่วมกันแล้ว ชาติเหล่านี้ยังใช้นโยบายการเงินร่วมกันด้วย โดยนโยบายการเงินนี้จะถูกกำหนดโดย European Central Bank (ECB)    ยูโรโซน : ข้อเท็จจริง ตัวเลข และคุณลักษณะ กลุ่มประเทศสมาชิก  : ออสเตรีย, เบลเยียม, ไซปรัส, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส, สโ
  สหรัฐอเมริกาประกอบด้วย 50 รัฐ ปกครองโดยรัฐบาลกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในอเมริกาเหนือ และมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก และนับตั้งแต่เป็นอิสระจากสหราชอาณาจักร เมื่อ 4 กรกฎาคม 1776, อเมริกาก็ได้กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก จาการที่มีเศรษฐกิจที่ ใหญ่ที่สุดในโลก อเมริกาจึงมีบทบาทที่สำคัญอย่างมากในตลาดโลก แค่เรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจใดๆในอเมริกา เช่น ประชากรมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือ การทำงานของประธานาธิบดีที่มีต่อประชาชน ก็สามารถสร้างปลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจทั่วโลก สหรัฐอเมริกา : ข้อเท็จจริง ตัวเลข และคุณลักษณะ เพื่อนบ้าน : แคนาดา, เม็กซิโก, เปอร์โตริโก้, คิวบา ขนาด : 3,794,101 ตารางไมล์ จำนวนประชากร : 309,349,689 คน ความหนาแน่นของประชากร : 87.4 คน ต่อ ตารางไมล์ เมืองหลวง : วอชิงตัน ดีซี ( Washington D.C.) ผู้นำรัฐบาล : ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า สกุลเงิน : ดอลลาร์สหรัฐ (U.S. Dollar หรือ USD) สินค้านำเข้าหลัก : วัสดุเพื่อการอุตสาหกรรม( น้ำมันดิบ) สินค้าทุน (คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์โทรคมนาคม,ชิ้นส่วนรถยนต์, เครื่องใช้สำนักงาน, เครื่องใช้
  Carry trade คืออะไร คุณทราบหรือไม่ว่า ยังมีวิธีการเทรดที่สามารถทำกำไรได้ แม้ว่าว่าช่วงเวลานั้นราคาจะไม่เคลื่อนที่เลยก็ตาม วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมมากของพวกบริษัทใหญ่ๆในโลกแห่งการเงิน Curry trade หมายถึง การที่กู้ยืมเงินหรือขายตราสารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปซื้อตราสารทางการเงินที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า ในขณะที่คุณจ่ายดอกเบี้ยต่ำในตราสารทาง การเงินที่คุณกู้ยืมหรือขายมา แต่คุณได้ดอกเบี้ยที่มากกว่าในตราสารทางการเงินที่คุณได้ซื้อมา ดังนั้นผลกำไรของคุณก็คือผลต่างของกำไรนั่นเอง  พูดง่ายๆก็คือ “Curry trade คือ การทำการค้าโดยหวังผลต่างของดอกเบี้ย ระหว่างดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย และดอกเบี้ยที่ได้รับ บวก-ลบออกมาเป็นผลกำไร นั่นเอง” ตัวอย่างเช่น คุณได้ทำการกู้ยืมเงินจากทางธนาคารมา $10,000 โดยคุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ทางธนาคารในอัตรา 1% ต่อปี เมื่อได้เงินมาแล้วคุณก็นำเงินนั้นไป ซื้อพันธบัตร ที่จ่ายดอกเบี้ยให้คุณในอัตรา 5% ต่อปี ดังนั้น คุณก็จะเหลือผลกำไรจากผลต่างอัตราดอกเบี้ยนี้ 4% ต่อปี คุณอาจคิดว่า การทำกำไรแบบนี้มันไม่ตื่นเต้น เพราะไม่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ไม่เหมือนกับการทำกำไรโดย
  เคยสังเกตไหมครับว่าคนที่เป็นเทพ (จริงๆ) เราจะสามารถสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาอะไรบางอย่างในตัวเขา ผมยกตัวอย่างเช่น สมัยที่เรียนมหาลัย จะต้องมีอาจารย์ในคณะของคุณสักคนที่คุณรู้สึกว่า เขาคนนี้ละที่จะสามารถตอบคำถามเราได้ทุกเรื่อง ถึงแม้ว่าบางทีเราจะคิดว่าเราเก่งแล้ว แต่เขาก็ยังเหนือกว่าเราอยู่ดี นักลงทุน หรือเทรดเดอร์ที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น ผมคิดว่าเขาน่าจะมีวิธีการ และ/หรือคุณสมบัติที่สำคัญ อย่างน้อย 3-4 อย่าง ดังที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ ข้อที่ 1: ความรอบรู้  เขาจะต้องมีความรอบรู้ ความฉลาดหลักแหลม ความสามารถในการวิเคราะห์ และคาดการณ์พฤติกรรมของราคาต่างๆหลายอย่าง ความรอบรู้ของเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรที่วิเศษมากหรอกครับมันคือ ความขยัน ความหมกมุ่น ในเรื่องที่เขาอยากรู้เท่านั้นเอง คนทุกคนมีความสนใจในแต่ละเรื่องที่ต่างกันแต่ระดับความสนใจและหมกมุ่นนั้นจะ ต่างกันโดยสิ้นเชิงในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นมีทัศนคติอย่างไร คนที่เก่งมากๆในด้านนี้ มักจะได้รับการยอมรับว่าเป็นคนอัจฉริยะในด้านของการลงทุน หลายๆคนมักจะเป็นคนที่มี IQ ค่อนข้างสูง   ข้อที่ 2: ความขยัน  เขาจะต้
"Currency cross pair" หรือ "Cross- currency pair" หรือเรียกสั้นๆว่า "Cross" คือสกุลเงินที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง   ลองย้อนกลับไปดูเมื่อสมัยก่อน ถ้ามีคนต้องการที่จะเปลี่ยนสกุลเงิน ก่อนอื่นเขาต้องแปลงสกุลเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐก่อน แล้วจึงแปลงสกุลเงินที่เป็นดอลลาร์สหรัฐไปเป็นสกุลเงินที่เขาต้องการได้  ตัวอย่างเช่น ถ้ามีชายคนหนึ่งต้องการเปลี่ยนเงินปอนด์เป็นเยนของญี่ปุ่น เขาก็ต้องแปลงสกุลเงินปอนด์ของเขาเป็นดอลลาร์สหรัฐก่อนหลังจากนั้นจึงนำ ดอลลาร์มาเปลี่ยนเป็นเงินเยนได้ และเมื่อมีการนำ Currency cross มาใช้ ก็ทำให้บุคคลสามารถข้ามขั้นตอนการแปลงสกุลเงินของพวกเขาเป็นดอลลาร์สหรัฐ และสามารถแปลงสกุลเงินเป็นสกุลที่ตนต้องการได้โดยตรง  ตัวอย่างเช่น GBP/JPY, EUR/JPY, EUR/CHF และ EUR/GBP เป็นต้น การหาราคาซื้อขายของ Currency cross ในส่วนนี้อาจจะน่าเบื่อซักหน่อย แต่ถ้าคุณชอบตัวเลขก็ไม่ยาก และข่าวดีก็คือ จริงๆแล้วตรงส่วนนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจมากมายอีกต่อไป ตั้งแต่มีเพลตฟอร์มจากโบรคเกอร์ที่ได้คำนวณอัตราของค่าเงินตรงข้ามที่เราเท รดกันอ